“ชวน” ประกาศนำรัฐสภาเป็นองค์กรต้นแบบสำนักงานสีเขียวยั่งยืน เผยเริ่มทำแล้วสั่งปิดไฟ-ปิดแอร์ไม่จำเป็นช่วยลดใช้พลังงานและลดค่าใช้จ่ายนับล้านบาทต่อเดือน ขณะที่ สสส.พร้อมสร้างความตระหนักรู้ให้ภาคีทั่วประเทศปรับใช้ในการทำงานในพื้นที่ หนุนผลักดันพ.ร.บ.อากาศสะอาดบังคับใช้
ที่รัฐสภา วันที่ 7 เมษายน 2565 นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีประกาศเจตจำนง “รัฐสภาร่วมใจ มุ่งสู่การเป็นสำนักงานสีเขียวอย่างยั่งยืน” โดยมีผู้เข้าร่วมงาน นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร , ส.ส., ส.ว., คณะผู้บริหารสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร , คณะผู้บริหารสำนักงานวุฒิสภา ตลอดจนสื่อมวลชน พร้อมทั้งมอบธงตราสัญลักษณ์ “รัฐสภาร่วมใจ มุ่งสู่การเป็นสำนักงานสีเขียวอย่างยั่งยืน” ให้หน่วยงานต่างๆ ร่วมรณรงค์ อาทิ กรมควบคุมมลพิษ สสส. สื่อมวลชน ฯลฯ
โดยนายชวนได้มอบนโยบายว่า โครงการนี้จะทำให้รัฐสภาปราศจากมลพิษ ทำให้สิ่งแวดล้อมอยู่ในมาตรฐานที่ยอมรับ สิ่งที่พยายามจะทำให้ทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเป็นหน่วยงานเดียวกันในหลายๆเรื่อง เพื่อประหยัดคนและงบประมาณ โดยเฉพาะอาคารรัฐสภาแห่งใหม่เราต้องพยายามให้รัฐสภาเป็นแบบอย่างของสถานที่ราชการ เพราะเรามีที่นี่ที่เดียว มีข้าราชการกว่า 3,000 คน ต้องใช้พื้นที่รัฐสภาให้คุ้มค่า ประหยัด ทั้งด้านพลังงานและกระดาษ อย่างไรก็ตาม ความพยายามที่จะใช้สภาคุ้มค่าและประหยัดเราทำมาตั้งแต่ก่อนน้ำมันขึ้นราคาแล้ว โดยได้นำร่องเปิดแอร์จากเดิมเปิดเวลา 05.00 น. มาเป็นเปิดแอร์ตอน 07.00 น. และปิดแอร์ในเวลา 18.30 น. จากเดิมเวลา 20.00 น. และให้ปิดไฟ ปิดแอร์ห้องที่ไม่ได้ใช้งาน ซึ่งสามารถทำให้ประหยัดค่าไฟได้นับล้านบาทต่อเดือน
ด้าน ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม เป็นหนึ่งในประเด็นที่ สสส.ขับเคลื่อนร่วมกับภาคีเครือข่ายในการสร้างความตระหนักรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคม โดยเฉพาะการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวคือปัญหาเรื่องหมอกควันและฝุ่น PM2.5 ที่ผ่านมา สสส.และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันสร้างโครงการโรงเรียนรู้สู้ฝุ่น โดยทำงานร่วมกับเครือข่ายด้านหมอกควัน ซึ่งเครือข่ายนี้จะคอยเฝ้าระวังและและติดตามสถานการณ์เพื่อช่วยประสานงานให้แก้ปัญหาในพื้นที่ได้อย่างทันถ่วงที นอกจากนี้ได้ร่วมผลักดันนโยบายอากาศสะอาด พร้อมกับสร้างสื่อรณรงค์เรื่องฝุ่น PM2.5 เพื่อสะท้อนให้สังคมเห็นว่าการทุกคนสามารถช่วยกันลดฝุ่นได้โดยไม่ต้องรอนโยบาย ด้วยการงดใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นและเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งที่บ้านและที่ทำงาน