พม. ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลแห่งแรก พร้อมจับมือภาคีเครือข่ายแก้ปัญหาฆ่าตัวตายจากวิกฤตโควิด – 19
วันนี้ (17 พ.ย. 64) เวลา 10.45 น. นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) พร้อมด้วยนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเรวัต อารีรอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ประธานโครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาจังหวัดภูเก็ต นางพัชรี อาระยะกุล ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นาวาตรีสุธรรม ระหงษ์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เพื่อเปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคมตำบลเกาะแก้ว เป็นศูนย์แห่งแรกของจังหวัดภูเก็ต ที่ให้บริการอย่างครอบคลุมตามภารกิจกระทรวง พม. สำหรับการช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส ด้วยการให้บริการด้านสิทธิและสวัสดิการสังคมทั้งด้านการสงเคราะห์ คุ้มครอง พัฒนา ป้องกัน และแก้ไขปัญหาสังคม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่อย่างรวดเร็วและทันเหตุการณ์ โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด – 19) เพราะปัญหาของประชาชน รอไม่ได้ อีกทั้งบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนในพื้นที่ อาทิ ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน (ศพด.) ศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) ศูนย์บริการคนพิการทั่วไป เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น สภาเด็กและเยาวชน ชมรมผู้สูงอายุ กลุ่มสตรี และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) เป็นต้น เพื่อให้มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาของประชาชนด้วยการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service – OSS) และได้มอบงบประมาณสำหรับปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้กับครอบครัวคนพิการและผู้สูงอายุ รวมทั้งมอบข้าวสารให้กับประชาชนที่เดือดร้อน จำนวน 100 ถุง นอกจากนี้ ได้ร่วมแจกอาหารปรุงสุก ร่วมกับ อพม. กิจกรรมครัวชุมชน สร้างคนสร้างงาน (ภายใต้ CSR Phuket Center สนับสนุนโดย บริษัทฮิวส์ ครูปิกา คอนซัลติ้ง จำกัด One Phuket และ Seabed Grand Hotel Phuket ให้กับประชาชนในพื้นที่ จำนวน 120 คน
นายจุติ กล่าวว่า ตนประทับใจในความลงตัวของจังหวัดภูเก็ต เพราะมีวิกฤติซ้อนวิกฤติ แต่จังหวัดภูเก็ตโชคดีที่มีการจัดการที่ลงตัวเพราะทีมทำงานมีความเข้มแข็ง เรามีองค์ประกอบความสำเร็จที่ลงตัวสามารถนำไปประยุกต์ใช้ต่อไปได้ โดยตนได้มาเปิดศูนย์ช่วยเหลือสังคมแห่งนี้ และขอขอบคุณแทนคนไทยทั้งประเทศที่ช่วยเหลือประชาชนในการลดความเหลื่อมล้ำ กระทรวง พม. จะเป็นผู้มาเติมน้ำมันให้กับท่านสามารถเดินต่อไปได้ ในวันนี้ ตนมาด้วยความห่วงใยทุกท่านและเราเห็นแล้วว่าท่านเข้มแข็ง เหมือนที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวไว้ว่าเราต้องรอดไปด้วยกันและเราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายจุติ กล่าวต่อไปว่า ก่อนที่ตนเดินทางมาที่จังหวัดภูเก็ต มีครอบครัวหนึ่งที่ตนรู้จักมานาน 30 ปี เป็นครอบครัวที่ขยัน ซึ่งหัวหน้าครอบครัวได้เสียชีวิต และคุณแม่ต้องเลี้ยงลูกทั้ง 2 คนจนโต โดยลูกคนเล็กเป็นที่พึ่งของครอบครัวเพราะหารายได้จำนวนมาก ส่วนลูกคนโตมีความอิสระไม่ค่อยมีวินัยเท่าไหร่ ซึ่งลูกคนเล็กได้ดูแลคุณแม่และพี่เป็นอย่างดี แต่ด้วยเกิดวิกฤตโควิด – 19 ไม่มีใครทราบว่าลูกคนเล็กเครียดเรื่องอะไร จึงไปโดดสะพานที่จังหวัดพิษณุโลก และก่อนโดดสะพานได้โทรมาหาคุณแม่ แต่ไม่ได้รับสาย ทำให้เกิดเรื่องเศร้าสลด ขณะนี้ คุณแม่ยังทำใจไม่ได้ จึงเป็นอุทาหรณ์ว่า ทุกอย่างทุกชีวิตมีปัญหาไว้ให้แก้ ท่านยังมีเพื่อนอยู่ทุกคน ฉะนั้น ทำอะไรขอให้คิดหน้าคิดหลัง ซึ่ง กระทรวง พม. ต้องจับมือกับกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งส่วนท้องถิ่นในเรื่องการรับฟังปัญหาและหาทางออกสำหรับปัญหาดังกล่าว