ศน. จัดอบรมผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพ ต่อยอดการเป็นผู้นำด้านศาสนิกสัมพันธ์ในอนาคต
เมื่อวันอังคารที่ 23 สิงหาคม 2565 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุมรักตะกนิษฐ โรงแรมสวนดุสิต เพลส มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร นายเกรียงศักดิ์ บุญประสิทธิ์ อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการอบรมผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ พร้อมด้วย ผู้บริหารกรมการศาสนา ผู้นำองค์การทางศาสนา เยาวชนทั้ง ๕ ศาสนา และเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา รวมทั้งสิ้น 80 คน
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุน และอุปถัมภ์คุ้มครองกิจการด้านศาสนาทุกศาสนา รวมทั้งส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มมีส่วนร่วมในการสร้างความสมานฉันท์และความเข้าใจอันดีระหว่างศาสนิกชนของทุกศาสนา เพื่อพัฒนาให้เป็นคนดีมีคุณธรรม ดำรงชีวิตตามหลักคุณธรรมอย่างพอเพียง มีวินัย สุจริต มีจิตอาสา มีความกตัญญู มีความสมานสามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ นอกจากนั้นยังทำให้ได้เรียนรู้ในการอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา จึงได้จัดโครงการอบรมผู้นำเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์ ขึ้นระหว่างวันที่ ๒๓ – ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ โดยร่วมกับองค์การทางศาสนา ๕ ศาสนา ประกอบด้วย ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และศาสนาซิกข์ นำเยาวชนทั้ง ๕ ศาสนา และครูพี่เลี้ยง จำนวน ๘๐ คน เข้าร่วมกิจกรรม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสทำกิจกรรมร่วมกัน ได้ศึกษาเรียนรู้เข้าใจในหลักธรรมทางศาสนา วิถีชีวิต ข้อปฏิบัติที่ต่างกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ปฏิบัติตนเป็นเยาวชนที่ดี น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งได้นำความรู้จากการเข้าร่วมโครงการไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างเหมาะสม และสามารถต่อยอดการเป็นผู้นำด้านศาสนิกสัมพันธ์ต่อไปในอนาคต
อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวต่อไปว่า การที่เยาวชนได้เข้ามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้มาทำความรู้จักกับเพื่อนต่างศาสนา ต่างสถาบัน ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมประเพณีของแต่ละศาสนา ได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน มีความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น และสามารถต่อยอดการเป็นผู้นำด้านศาสนิกสัมพันธ์ต่อไป จึงขอให้เยาวชนทุกคนตั้งใจเรียนรู้สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม นำประสบการณ์ในครั้งนี้มาเป็นปัจจัยสำคัญในความมั่นคงก้าวหน้าของทุกคน
กรมการศาสนาเชื่อว่าเยาวชนทุกคนมีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำได้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้นำสิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ไปปรับใช้ เพื่อเสริมสร้างคุณค่าให้แก่ชีวิตตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติต่อไป.