“วราวุธ” เผย พม. จัดงาน วันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2568 เดินหน้าสวัสดิการสำหรับผู้สูงวัยทั้งเพิ่มนักบริบาลเพื่อการดูแลถึงบ้าน และร่วมหลายภาคส่วนพิจารณาเพิ่มเบี้ยคนชราอย่างเหมาะสม
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดเผยว่า จากที่กำหนดวันที่ 13 เมษายนของทุกปี เป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” เพื่อให้ประชาชนและสังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญผู้สูงอายุที่ทรงคุณค่า อันเป็นองค์ความรู้และภูมิปญาของประเทศ อีกทั้ง กำหนดให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปีเป็น “วันแห่งครอบครัว” เพื่อให้ประชาชนและสังคมไทยตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของสถาบันครอบครัวที่อบอุ่นและเข้มแข็งในการหล่อหลอมประชากรที่มีคุณภาพของประเทศ

ทั้งนี้ กระทรวง พม.ได้กำหนดจัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว ประจำปี 2568 โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) และกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) ภายใต้แนวคิด “คุณค่าผู้สูงวัย สานสายใยพลังครอบครัว” ในวันที่ 10 เมษายน 2568 ที่ลานอเนกประสงค์ ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ

โดยนายวราวุธ กล่าวว่า ภายในงานมีกิจกรรมต่างๆ ประกอบด้วย
1.การกล่าวสารนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) เนื่องในโอกาส “วันผู้สูงอายุแห่งชาติและวันแห่งครอบครัว” ประจำปี 25682.พิธีถวายรางวัลผู้สูงอายุแห่งชาติ พุทธศักราช 2568 แด่สมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย ป.ธ.8) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร
3.พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่บุคคล ครอบครัว หน่วยงานองค์กร และสื่อดีเด่นด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนงานด้านผู้สูงอายุและครอบครัว
4.บูธนิทรรศการที่น่าสนใจ อาทิ ประวัติผู้สูงอายุแห่งชาติ พุทธศักราช 2568 นโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร กระทรวง พม. ผลงานของหน่วยงานสังกัดกระทรวง พม. และหน่วยงานภาคีเครือข่าย อาทิ กรมกิจการผู้สูงอายุ , กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว , OPPY (โอพีพีวาย) สังคมอายุยืน สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) สถาบันเวชศาสตร์สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวรเพื่อผู้สูงอายุ และกองทุนการออมแห่งชาติ
5.บูธแสดงการสาธิตและผลิตภัณฑ์สินค้าจากศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ 12 แห่ง และศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวทั่วประเทศ
นายวราวุธยังให้สัมภาษณ์ในประเด็นที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทางพม.จะมีสวัสดิการอะไรเพิ่มเติมให้กับผู้สูงอายุบ้างหรือไม่ว่า ในเบื้องต้นกระทรวงการพัฒนาสังคมฯได้เริ่มโครงการนักบริบาลและพิทักษ์สิทธิ์ผู้สูงอายุ ซึ่งปีที่ผ่านมาได้เริ่มไว้ไม่กี่ 10 คน แต่ปีนี้เราเพิ่มถึง 300 คนและกำลังจะขยายโครงการให้ได้ 3,000 คน เพื่อจะให้เข้าไปดูแลผู้สูงอายุถึงบ้าน
“ตรงนี้จะมีคุณค่า ไม่น้อยกว่าเงินบำนาญผู้สูงอายุ เพราะเราจะเอาบุคคลต่างๆเหล่านี้เข้าไปดูแลผู้สูงอายุ
ส่วนในเรื่องของเบี้ยผู้สูงอายุที่เราได้ปรับเพิ่มไปมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน มีงบประมาณเพียงพอหรือไม่ เรากำลังเร่งดำเนินการอยู่และตอนนี้อยู่ในการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้น ต้องพิจารณาในภาพรวมว่า รายจ่ายของรัฐบาลแต่ละปีเป็นอย่างไร และมีรายได้เข้ามาอย่างไร สัมพันธ์กันหรือไม่ ซึ่งหน่วยงานต่างๆคงจะให้คำตอบกับกระทรวงการพัฒนาสังคมฯเร็วๆนี้ว่าจะสามารถดำเนินการได้ถึงขั้นไหน”
