ตามที่มีการนำเสนอข่าวในสังคมออนไลน์ และสื่อต่างๆ เกี่ยวกับกรณีอดีตพระมหาสมปอง ตาลปุตโต หรือนายสมปอง นครไธสง กว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก. ในท้องที่อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ กว่า ๓๐๐ ไร่ เพื่อปลูกยางพารา หรือให้ญาติถือครองที่ดินแทน นั้น สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ขอเรียนชี้แจงว่า พื้นที่ที่เป็นข่าวเดิมเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม (E) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๓๘ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๙๐ ตอนที่ ๘๑ วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ โดย ส.ป.ก. ได้รับที่ดินมาและมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่อำเภอคอนสาร อำเภอหนองบัวแดง กิ่งอำเภอภักดีชุมพล อำเภอหนองบัวแดง อำเภอเกษตรสมบูรณ์ อำเภอแก้งคร้อ และอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ๒๕๓๑ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๐๕ ตอนที่ ๒๔๑ ลงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๓๑ ซึ่งเป็นการประกาศให้อำเภอคอนสารเป็นเขตปฏิรูปที่ดินทั้งอำเภอ
จากนั้นสำนักงานการปฏิรูปที่ดินจังหวัดชัยภูมิ (ส.ป.ก.ชัยภูมิ) จึงได้เข้าดำเนินการสำรวจรังวัดที่ดินเมื่อปี ๒๕๓๒ และ ๒๕๓๗ เพื่อให้ได้ขอบเขตเนื้อที่ของแปลงที่ดินแต่ละแปลงและรายชื่อผู้ครอบครองที่ดิน ต่อมาในปี 2539 ส.ป.ก. และกรมป่าไม้ ได้ร่วมกันดำเนินการตรวจสอบกันพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม (E) จังหวัดชัยภูมิ ในส่วนที่ยังเป็นป่าออกจากเขตปฏิรูปที่ดินตามบันทึกข้อตกลงเพื่อกันคืนพื้นที่ป่า ออกจากเขตปฏิรูปที่ดิน (RF) พ.ศ. 2538 ออกมาได้เป็น 2 แปลง คือ RF แปลงที่ ๑๕ เนื้อที่ประมาณ ๑๐,๙๙๗ ไร่ และ RF แปลงที่ ๒๐ เนื้อที่ประมาณ ๔,๒๒๓ ไร่
เมื่อทราบข่าว ส.ป.ก. ได้มอบหมายให้ ส.ป.ก.ชัยภูมิ ลงพื้นที่ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงในทันที ซึ่งเจ้าหน้าที่ ส.ป.ก.ชัยภูมิ ได้ลงพื้นที่เมื่อวันเสาร์ที่ ๕ กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยได้สืบหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก ทั้งผู้ปกครองท้องที่และราษฎรในพื้นที่เกี่ยวกับตำแหน่งและขอบเขตของแปลงที่ดินเทียบกับแผนที่แนวเขตปฏิรูปที่ดิน รวมทั้งตรวจสภาพการทำประโยชน์ในแปลงที่ดินที่เป็นข่าวแล้ว พบว่า ที่ดินส่วนใหญ่อยู่นอกเขตดำเนินการปฏิรูปที่ดิน และมีเพียง 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 7 ไร่ ที่อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน และเกษตรกรผู้ซึ่งได้รับอนุญาตฯ ยังคงทำประโยชน์ในที่ดินด้วยตนเองโดยการปลูกหมากและมะพร้าว
ทั้งนี้ ส.ป.ก. ไม่ได้นิ่งนอนใจและยังคงเดินหน้าตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปจากข้อมูลการร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน หนังสือร้องเรียน สายด่วน ส.ป.ก. และการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบตามภารกิจอย่างต่อเนื่อง