เตรียมพบกับเทศกาลไฟ Awakening Bangkok ประจำปี 2023 ปักหมุดใหม่ย่านพระนคร-ปากคลองตลาด กรุงเทพฯ
ผู้จัดเทศกาลแสงไฟ Awakening Bangkok ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), สํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB, และ เครื่องดื่มชเวปส์ ตลอดจนพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ร่วมเนรมิตเทศกาลแสงไฟประจำปีกรุงเทพฯ Awakening Bangkok 2023 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Time Passage” ระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2566
นายพงศ์สิริ เหตระกูล Festival Director งานเทศกาล Awakening เปิดเผยว่า “เทศกาลไฟประจำปีของกรุงเทพฯ Awakening Bangkok เดินหน้าจัดงานเป็นปีที่ 6 ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่ย้ายพื้นที่การจัดงานหลักจากย่านเจริญกรุง สู่ย่านพระนคร-ปากคลองตลาด มุ่งปลุกและเปิดมุมมองของถนนและอาคารประวัติศาสตร์ในย่านเมืองเก่าด้วยประติมากรรมไฟและศิลปะดิจิทัล สะท้อนความสำคัญของถนนในย่านเมืองเก่า เช่น สนามไชย-บำรุงเมือง-เฟื่องนคร ที่ทำหน้าที่ลำเลียงวิถีชีวิตตั้งแต่อดีต ข้ามเวลามาจนถึงปัจจุบัน”
“ทั้งนี้ จากความร่วมมือต่อเนื่องกับ ททท. และ TCEB เป็นครั้งที่ 6 ตลอดจนกรุงเทพมหานคร สะท้อนถึงการมีเป้าหมายร่วมกัน ที่ต้องการสร้างให้เทศกาล Awakening Bangkok เป็นอีกหนึ่งสีสันของเมือง และปักหมุดเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์หลักในปฏิทินการท่องเที่ยวไทย โดยปัจจุบันเทศกาล Awakening ได้รับการบรรจุเป็นหนึ่งในอีเวนต์สำคัญในโครงการ Colorful Bangkok โครงการขับเคลื่อนเมืองผ่านอีเวนต์ทางวัฒนธรรมของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีเป้าหมายสร้างให้กรุงเทพมหานคร เป็นมหานครแห่งศิลปวัฒนธรรม ที่ได้รับการยอมรับในระดับชาติและนานาชาติ และเป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวทางศิลปวัฒนธรรม อันส่งผลให้เกิดการขับเคลื่อนด้านสังคมและเศรษฐกิจ”
นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า “จุดแสดงไฟในปีนี้ที่ล้วนน่าสนใจและเป็นล้วนเป็นสถานที่สำคัญของ กรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น ยอดพิมานริเวอร์วอล์ก ปากคลองตลาด ย่านถนนเฟื่องนคร ลานคนเมือง และเสาชิงช้า ซึ่งเชื่อว่าด้วยประติมากรรมไฟและศิลปะดิจิทัลของเทศกาล Awakening Bangkok จะสร้างความตื่นตาตื่นใจ และความประทับใจให้กับผู้เข้ามาเยี่ยมชมตลอดเส้นทางได้เป็นอย่างดี โดยผมเชื่อว่าการเปิดเส้นทางใหม่ของ Awakening Bangkok จะช่วยเปิดมุมมองของถนนและอาคารประวัติศาสตร์ในย่านเมืองเก่านี้ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชนตลอดย่านที่มีการจัดแสดงแล้ว ยังสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาเยี่ยมชมเทศกาลไฟ Awakening Bangkok ซึ่งจะช่วยปลุกเศรษฐกิจของประเทศได้อีกทางหนึ่งด้วย และทำให้เรายินดีมากๆ ที่ Awakening Bangkok ได้เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ Colorful Bangkok อีกปีหนึ่ง”
นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวยังคงเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโต ซึ่งจากนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวของรัฐบาล โดยเฉพาะ Free Visa จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากกลุ่มประเทศเป้าหมายให้เข้ามาท่องเที่ยวมากขึ้น ตลอดจนความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดกิจกรรมต่างๆ ในเทศกาลเฉลิมฉลองปลายปี ซึ่งคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นไปตามเป้าหมายของปี 2566 ดังนั้นการจัดงาน Awakening ทั้งสองงานจึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่จะช่วยสร้างสีสันให้กับกรุงเทพฯ และปลุกกระแสการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในยามค่ำคืน โดยเฉพาะ จ.เชียงใหม่ ถือเป็นจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก จึงเป็นการมอบประสบการณ์พิเศษและสร้างความน่าสนใจให้กับนักท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี และยังจะช่วยส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวระหว่าง 2 ภาคอีกด้วย”
นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อํานวยการ สํานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ TCEB กล่าวว่า “งาน Awakening Bangkok ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงศิลปะวัฒนธรรมผ่านความร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของทีเส็บที่สนับสนุนให้มีการทำงานร่วมกับชุมชนอย่างสร้างสรรค์ และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งมหภาคอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากนั้นยังเปิดโอกาสให้เหล่าศิลปินของไทยและผู้ประกอบการได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบใหม่ๆ และยังสามารถต่อยอดไปเป็น community ที่จะเติบโตเพื่อพัฒนาวงการประติมากรรมแห่งแสงไฟได้อีกด้วย”
สำหรับ Awakening Bangkok 2023 ปีนี้มาในคอนเซปต์ “Time Passage” ที่ชวนทุกคนไปเยี่ยมเส้นทางของเวลาที่เชื่อมอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเมืองเก่าบนพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นครั้งแรกของเทศกาลแสงไฟ Awakening Bangkok ที่เปลี่ยนสถานที่มาปลุกเมืองเก่าย่านพระนคร ย่านที่เกิดและเติบโตขึ้นไปพร้อมๆ กับการคมนาคมทางถนน และเส้นทางเรียบคลองในช่วงต้นรัชกาล โดยจุดแสดงในปีนี้ ได้แก่ ยอดพิมานริเวอร์วอล์ก ปากคลองตลาด สวนสราญรมย์ ย่านถนนเฟื่องนคร ลานคนเมือง และเสาชิงช้า เป็นต้น จัดแสดงระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน – 3 ธันวาคม 2566
นางริชา ซิงห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โคคา-โคล่า ประจำประเทศไทย เมียนมา และลาว ตัวแทนเครื่องดื่ม “ชเวปส์” ผู้สนับสนุนหลักภาคเอกชนในปีนี้ กล่าวว่า “แบรนด์ “ชเวปส์” รู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักของเทศกาล Awakening Bangkok ในปีนี้เป็นปีแรก
“ชเวปส์” เป็นแบรนด์เครื่องดื่มโซดากลิ่นผลไม้ที่โดดเด่น ด้วยรสชาติอันหลากหลายและ มีเอกลักษณ์ พร้อมมอบประสบการณ์แปลกใหม่อย่างมีสไตล์ให้กับกลุ่มคนที่ชอบออกไปสังสรรค์และแสวงหาความตื่นเต้นใหม่ๆ ซึ่งเป็นคาเรกเตอร์เดียวกับ Awakening Bangkok ที่ได้รับการยอมรับมายาวนานถึงการมอบประสบการณ์และมุมมองใหม่ๆ ให้กับเมือง”
“ในปีนี้ “ชเวปส์” ยังคงมุ่งหน้ามอบประสบการณ์สุดพิเศษ กับการเปิดตัวรสชาติใหม่ “ชเวปส์” บลูเบอร์รี เลมอน โซดา สูตรไม่มีน้ำตาล ที่ผสานความเปรี้ยวอมหวาน อร่อยสดชื่นอย่างลงตัว ในรูปแบบไม่มีน้ำตาลและไม่มีแคลอรี พร้อมสร้างทางเลือกให้ผู้บริโภคได้เพลิดเพลินกับเครื่องดื่มทั้งในรูปแบบผลิตภัณฑ์พร้อมดื่มหรือเป็นมิกเซอร์คู่ใจ ซึ่งทุกคนจะได้พบกับประสบการณ์ช่วงเวลาแห่งการสังสรรค์สุดพิเศษกับ “Schweppes” Sundown Bar ที่งาน Awakening Bangkok ด้วยเช่นกัน”
นางสาวอรดา เกิดหงษ์ ประธานผู้อำนวยการ Storied Place, บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า “Storied Place ในฐานะทีมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์พื้นที่ Mixed Use ของเครือ MQDC และในฐานะ Happiness Creators มีคำมั่นสัญญาที่จะสร้างและส่งมอบความสุขให้ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ซึ่งโครงการแห่งความสุขแรกจะเกิดขึ้นในชื่อ Happitat at The Forestias “จุดหมายแห่งใหม่ของความสุขเหนือจินตนาการ” (A New Themed Destination of Happiness) กำลังจะเปิดตัวในปลายปีหน้า โดยเราจะยกประสบการณ์แห่งความสุขนี้มาให้สัมผัสก่อนใครที่ Awakening Bangkok 2023 เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงที่จะร่วมผลักดันให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงแห่งรอยยิ้มอย่างแท้จริง”
นางสาว Shi Xuefen, Brand Director ผลิตภัณฑ์ OPPO กล่าวว่า “OPPO เคยเป็นผู้สนับสนุนหลักของ Awakening Bangkok ในปีแรกเมื่อปี 2018 และประสบความสำเร็จในแง่การสร้างการรับรู้แบรนด์เป็นอย่างมาก และในปีนี้ที่เราได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มาพร้อมกล้องที่สามารถถ่ายภาพยามค่ำได้ดีมากยิ่งขึ้น เราจึงกลับมาร่วมกับเทศกาลแสงสีครั้งยิ่งใหญ่ Awakening Bangkok อีกครั้ง เพื่อเปิดประสบการณ์ถ่ายภาพด้วยสมาร์ตโฟนที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าครั้งไหนๆ”
นอกจากนั้นในปีนี้ แบรนด์ Awakening ยังเพิ่มพื้นที่การจัดเทศกาลไฟที่ จ.เชียงใหม่เป็นครั้งแรก ในชื่อ Awakening Chiang Mai บริเวณช้างม่อย-ท่าแพ ระหว่างวันที่ 10-19 พฤศจิกายน 2566 หลังจากเคยจัดเทศกาลนอกกรุงเทพฯ ที่จังหวัดขอนแก่นไปแล้วก่อนหน้านี้ และประสบความสำเร็จอย่างมาก
Awakening Chiang Mai จัดขึ้นในธีม “Polar-Rise คิด-เหนือ” ชวนทุกคนมาสำรวจการเติบโตอีกครั้งของหัวเมืองอายุกว่า 700 ปีในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภาคเหนือ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับความพยายามต่อสู้กับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กลับมาสร้างผลกระทบในทุกๆ ปี ผ่านศิลปกรรมไฟและศิลปะดิจิทัลที่จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมผู้จัดงาน ศิลปินจากกรุงเทพฯ และศิลปินในพื้นที่ภาคเหนือ โดยจุดแสดงสำหรับงาน Awakening ที่เชียงใหม่ จะตั้งอยู่ในอาคารเก่าทั่วย่านช้างม่อย-ท่าแพ ย่านการค้าเก่าแก่ที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง เช่น กิติพานิช และโกดังราชวงศ์ เป็นต้น
นายพงศ์สิริ เชื่อมั่นว่า การจัดเทศกาลไฟทั้ง 2 แห่ง คือ ที่ จ.กรุงเทพฯ และ จ.เชียงใหม่ จะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมและสนับสนุน night-time economy รวมถึงมอบความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว นักเดินทาง ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้อย่างแน่นอน
เทศกาล Awakening Bangkok ประจำปี 2023 ยังได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรมากมาย อาทิ BGC (บางกอกกลาส) , และ Warner Music Thailand โดยการจัดงาน ‘Awakening’ ประจำปี จะยกระดับสู่การเป็น ‘Awakening Festivals’ ที่จะเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว เชิงประสบการณ์ และศิลปวัฒนธรรมในระดับนานาชาติ
#awakeningbangkok #awakeningbangkok2023 #awakeningchiangmai #awakeningchiangmai2023