วธ.ร่วมเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ“Translation and Terminology Consistency” (การแปลและความเหมาะสมในการใช้ศัพท์) โครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ ตั้งเป้าแล้วเสร็จภายในปี 2567
เมื่อเร็วๆนี้ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) ในนามของรัฐบาลไทย และรองประธานกรรมการ คนที่ 1 ในคณะกรรมการอุปถัมภ์โครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ กล่าวเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “Translation and Terminology Consistency” (การแปลและความเหมาะสมในการใช้ศัพท์) โครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ (Tipitaka English Version) เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสากลของโลก ประจำปี พ.ศ. 2565 ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ถนนราชดำเนินนอก กรุงเทพมหานคร และออนไลน์ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Zoom)
นายอิทธิพล กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้นับถือพระพุทธศาสนาอยู่ทั่วโลกประมาณ ๗๐๐ ล้านคน คิดเป็นอันดับที่ ๔ ของประชากรทั่วโลก โดยมีจำนวนผู้นับถือส่วนใหญ่อยู่ในทวีปเอเชีย ดังนั้น จึงนับเป็นโอกาสอันดีที่จะมีการแปลพระไตรปิฎก เป็นภาษาอังกฤษ โดยใช้พระไตรปิฎก บาลีอักษรไทย ฉบับสยามรัฐ เป็นต้นฉบับในการแปลเพื่อเผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เข้าถึงประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงทั้งในประเทศไทยและประชาคมโลก
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ยังกล่าวอีกว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ เป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย และประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภก นับได้ว่าเป็นสวัสดิมงคลแก่บ้านเมือง เป็นความปลื้มปีติอย่างล้นพ้นของพสกนิกรชาวไทยทั่วหล้า ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญและศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งที่จะต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย
ดังนั้น เพื่อถวายพระราชกุศลและเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสมหามงคลดังกล่าว รัฐบาลไทยจึงได้ดำเนินโครงการจัดทำพระไตรปิฎก ฉบับภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นการร่วมกันระหว่างกระทรวงวัฒนธรรม มหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 และในปี พ.ศ. 2565 กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) โดยกรมการศาสนา (ศน.) ได้กำหนดกรอบและเป้าหมายการดำเนินงานแปลพระไตรปิฎกฯ เป็นภาษาอังกฤษให้แล้วเสร็จภายในปี พ.ศ. 2567 เพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ 72 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ประชาชนชาวไทยและทั่วโลกได้รับทราบผลสำเร็จของการดำเนินงานอันสำคัญในครั้งนี้